ป้านายธนากร อรัญทอง ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีก่อเหตุฆ่าสาววัย 18 ปี ยัดกล่องทิ้งพงหญ้าหลังบ้านพักคนงานแพล้นปูน ที่จังหวัดสุพรรณบุรี เผยหลานชายเคยเสพยาเสพติด แต่ไม่คิดว่าจะรุนแรงถึงลงมือฆ่าคนอื่น วอนเจ้าหน้าที่ปราบปรามอย่างเข้มงวดและจริงจัง ด้านแม่ยายระบุ ปกติหลานเขยเป็นคนเงียบ ไม่ค่อยพูดจา ขยันทำงาน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกช็อค ขอให้ปล่อยเป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรม
ความคืบหน้าตำรวจ สภ.เมืองสุพรรณบุรี ได้รับแจ้งพบศพหญิงสาวถูกฆ่ายัดกล่องพลาสติกทิ้งอยู่ในพงหญ้าหลังบ้านพักคนงานแพล้นปูน หมู่ 7 ต.ศาลาขาว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี สภาพศพท่อนล่างเปลือยมีรอยเขียวฟกช้ำ ตรวจสอบทราบชื่อคือ น.ส.สุมิตา (สงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี หรือน้องเต็น เบื้องต้นจากการสอบถามญาติผู้เสียชีวิตทราบว่า น้องเต็นได้หายตัวไปจากบ้านตั้งแต่วันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา กระทั่งมาพบเป็นศพ และญาติสงสัยหนุ่มวัย 19 ปี ซึ่งทำงานในแพล้นปูนที่เดียวกัน และมีห้องพักติดกัน และหลังเกิดเหตุชายวัย 19 ปีได้หายตัวไป กระทั่งถูกตำรวจชุดสืบสวนสภ.ห้วยผึ้ง จ.กาฬสินธุ์ จับกุมตัวได้ หลังจากหนีมาหลบอยู่บ้านภรรยาในพื้นที่อำเภอห้วยผึ้ง จ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเบื้องต้นยอมรับเป็นคนลงมือก่อเหตุจริง
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านไม่มีเลขที่ ท้ายหมู่บ้านหนองมะงง ม.4 ต.คำบง อ.ห้วยผึ้ง จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นบ้านของภรรยานายธนากร อรัญทอง อายุ 19 ปี ผู้ต้องหา ได้มีญาติฝ่ายนายธนากร จาก ต.หนองแวง อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ เดินทางมาเยี่ยมและสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนางสาวปิยะพร กาญจน์จันดา อายุ 18 ปี ภรรยานายธนากร และนางบัวผัน กาญจน์จันดา อายุ 64 ปี ยายของนางสาวปิยะพร โดยมีนายธงชัย ปลื้มไชโย ผญบ.บ้านหนองมะงง พร้อมเพื่อนบ้านร่วมให้กำลังใจ
โดยนางบัวผัน กาญจน์จันดา อายุ 64 ปี ยายของนางสาวปิยะพร กล่าวว่า ปกตินายธนากรหรือแป๊บหลานเขย เป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดจากับใคร แต่ขยันทำงาน โดยไปทำงานรับจ้างก่อสร้างกับเพื่อนบ้าน หลังจากที่รับจ้างก่อสร้างถนนภายในหมู่บ้านเสร็จ ก็เดินทางไปทำงานที่ จ.สุพรรณบุรี กับญาติทาง อ.สมเด็จ ซึ่ง 1-2 เดือนก็จะกลับมาเยี่ยมลูกเมียแล้วกลับไปทำงานอีก ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้กลับมาเยี่ยมบ้านอีกครั้ง โดยบอกว่าคิดถึงลูก แต่ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังว่าไปทำอะไรมา เห็นแต่นอนเล่นกับลูก ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ก่อนที่เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 16.00 น. จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแจ้งว่านายธนากรเป็นผู้ต้องหา ให้ตนและนางสาวปิยะพรซึ่งเป็นภรรยาตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่อึ้ง ยืนงง และไม่อยากเชื่อว่าจะนายธนากรจะเป็นคนร้ายฆ่าคน อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงขั้นนี้ ก็ขอให้ปล่อยตามกระบวนการทางกฎหมาย ผิดก็ขอให้ยอมรับผิด
ด้านนางประกาย วงษ์ชัยชาญ อายุ 46 ปี บ้านเลขที่ 32 หมู่ 11 บ้านดงคำพัฒนา ป้านายธนากรหรือแป๊บกล่าวว่า นายธนากรเป็นเด็กกำพร้า เนื่องจากพ่อแม่หย่าร้าง ตนจึงเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก มีความรักความผูกพันและส่งเสียเล่าเรียนเหมือนลูกในไส้ แต่พอเรียนชั้น ม.1-ม.2 ก็เริ่มติดเกม และพอขึ้น ม. 3 เริ่มยุ่งเกี่ยวยาเสพติด ซึ่งตนและญาติก็พยายามห้ามปรามและควบคุมความประพฤติอย่างเต็มที่ แต่ก็พลาดจนได้ เนื่องจากยาเสพติดระบาดมาก จนกระทั่งได้พาไปบำบัดรักษา จนเริ่มห่างจากยาเสพติด เมื่อมาได้ภรรยาที่ อ.ห้วยผึ้ง ก็วางใจคิดว่าจะกลับตัวกลับใจได้ ไม่คิดว่าจะหันไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก
ทั้งนี้ ตนมั่นใจว่าเหตุที่นายธนากรหลานชายตกเป็นผู้ต้องหาฆ่าคนอื่นดังกล่าว เกิดจากเสพยาเสพติดและมีพฤติกรรมเลียนแบบอย่างที่เคยเห็นในข่าวแน่นอน ซึ่งนายธนากรก็ยอมรับสารภาพ หลังจากนี้ตนและญาติทุกคนก็คงต้องทำใจ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ที่จะดำเนินการตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามอยากวิงวอนให้เจ้าหน้าที่ปราบปรามอย่างเข้มงวดและจริงจัง เพราะยาบ้าระบาดมาก ไม่อยากให้ลูกหลานรุ่นหลังไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และไม่อยากจะให้เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นกับคนอื่นอีก